สิ่งที่ต้องคำนึงก่อนซื้อบ้าน
เมื่อคิดจะซื้อบ้านให้อยู่อาศัยแล้วแฮปปี้ สิ่งสำคัญที่สุด ต้องพิจารณาหัวข้อต่อไปนี้
1. ทำเลเดิมที่คุ้นชิน
ทำเลของบ้านหรือที่อยู่อาศัย เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการนำมาเป็นจุดขายของโครงการ และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำมาพิจารณาว่าจะซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัยในโครงการนั้นหรือไม่ เช่น เป็นทำเลที่ความเจริญเข้าถึง การเดินทางสะดวก ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูก ซึ่งอาจจะเป็นทำเลเดิมที่คุ้นเคย หรือทำเลใหม่ ๆ ที่มีโอกาสการเติบโตในอนาคต
แต่ถ้าจะซื้อบ้านให้แม่แล้ว คงมองเท่านี้ไม่ได้ เพราะผู้สูงวัยใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้ว ก็มักจะคุ้นชินกับทำเลเดิมที่เคยอยู่มาเกือบครึ่งค่อนชีวิต จะให้โยกย้ายหรือปรับเปลี่ยน ถือเป็นเรื่องใหญ่และทำใจได้ยากของคนวัยนี้ โจทย์ในเรื่องทำเลจึงเป็นเรื่องที่ลูกไม่ควรมองข้ามเมื่อคิดจะซื้อบ้านให้แม่ เพราะถ้าบ้านใหม่ตั้งอยู่ในทำเลที่คุ้นชิน สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย การเดินทางที่สะดวกสบาย และอยู่ใกล้บ้านลูก เชื่อเลยว่าคุณแม่ต้องแฮปปี้กับเซอร์ไพรส์ซื้อบ้านให้แม่ครั้งนี้อย่างแน่นอน
2. รูปแบบและฟังก์ชั่นตอบโจทย์การอยู่อาศัย
การจะซื้อบ้านให้แม่ หรือซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบอื่น ๆ ต้องคำนึงถึงฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่ต้องตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคุณแม่ด้วยเช่นกัน คุณแม่บางท่านอาจจะชอบหรือคุ้นเคยกับรูปแบบที่อยู่อาศัยในลักษณะที่เป็นบ้านมากกว่าคอนโดมิเนียม เพราะอยากได้บ้านหลังใหญ่ พื้นที่กว้าง ๆ มีบริเวณรอบบ้านเอาไว้ให้ปลูกต้นไม้ ปลูกผัก ทำสวน หรือมีมุมให้อ่านหนังสือ จิบน้ำชายามบ่าย หรือมีครัวไทยสำหรับคุณแม่ที่ชอบเข้าครัว ทำอาหารรับประทานกันในครอบครัว แต่การมีขนาดใหญ่เกินจำนวนคนอยู่อาศัย ก็อาจจะทำให้คุณแม่รู้สึกเหงาได้ในบางที
สำหรับคุณลูกที่อาจมีงบประมาณไม่มากนัก ในยุคนี้คอนโดมิเนียมก็มีการเป็นรูปแบบที่อยู่อาศัยที่น่าสนใจมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีห้องให้เลือกหลากหลายไซส์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีพื้นที่ส่วนกลางให้คุณแม่ได้ทำกิจกรรม เดินทางไปไหนมาไหนง่าย ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้โรงพยาบาลแล้ว บางโครงการยังมีการออกแบบฟังก์ชั่นเพื่อรองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงวัยอีกด้วย
แต่ไม่ว่าจะเลือกซื้อบ้านให้แม่รูปแบบไหน โจทย์หลักคือที่อยู่อาศัยต้องตอบโจทย์การอยู่อาศัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณแม่ อยู่แล้วชอบ และมีความสุขตั้งแต่วันแรกไปตลอดจนถึงช่วงบั้นปลายชีวิต
3. คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ
ซื้อบ้านให้แม่จะมองเพียงการอยู่อาศัยในวันนี้ไม่ได้ แต่ต้องมองถึงความปลอดภัยและการอยู่อาศัยในอนาคตด้วย เพราะฉะนั้นนอกจากโครงการทั่วไปที่ลูกมองหาแล้ว อาจจะต้องโฟกัสให้แคบลงมา เป็นโครงการที่รองรับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุ มีการออกแบบที่คำนึงถึงความปลอดภัย เช่น วัสดุปูพื้นกันลื่น ไม่มีพื้นต่างระดับ มีทางลาดรองรับเมื่อต้องการใช้รถเข็น เพิ่มราวจับเพื่อประคองตัวในห้องน้ำและทางเดิน วัสดุอุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ไร้เหลี่ยมมุม รวมถึงแสงสว่างที่พอดีทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับคุณแม่ได้ในบ้าน ทั้งจากการยืน เดิน หรือแม้แต่การทรงตัว
4. รองรับการอยู่อาศัยเมื่อยิ่งสูงวัยในอนาคต
มากกว่านั้นการซื้อบ้านให้แม่ยังต้องมองถึงเรื่องของการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่เรียกว่าสมาร์ทโฮม (Smart Home) และนวัตกรรมต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในด้านความปลอดภัย และช่วยจัดการให้การใช้ชีวิตของคุณแม่ง่ายขึ้น มาประกอบการตัดสินใจในการซื้อบ้านให้แม่ในครั้งนี้ด้วย เช่น ระบบควบคุมต่าง ๆ ภายในบ้านที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หรือควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า สั่งเปิด–ปิดไฟเมื่อเข้ามาถึงบ้าน สั่งให้เครื่องปรับอากาศทำงานเป็นเวลา ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด หรือแม้แต่ระบบ Emergency ส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ ให้คุณแม่ได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัยในบ้านที่ลูกซื้อให้เพื่อเป็นของขวัญวันแม่
5. ผ่อนสบายด้วยสินเชื่อบ้านลูกกตัญญู
คุณแม่แฮปปี้แล้ว ลูกก็ต้องแฮปปี้ด้วย เพราะซื้อบ้านให้แม่ครั้งนี้ ลูกไม่ต้องรับภาระหนัก เนื่องจากสามารถกู้สินเชื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระในการผ่อนได้ สินเชื่อที่ว่านี้เป็นสินเชื่อพิเศษจาก 2 ธนาคารรัฐ สำหรับลูกกตัญญูที่อยากซื้อบ้านให้แม่โดยเฉพาะ
– สินเชื่อเคหะ กตัญญูดูแลบุพการี ธนาคารออมสิน เพื่อนำไปซื้อบ้านพร้อมที่ดินหรือคอนโดมิเนียม โดยผู้กู้จะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 1 ปี หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4 ปี เท่ากับ 4% กรณีทำประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อ และอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 4.125% กรณีไม่ทำประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อ
– สินเชื่อบ้านกตัญญูเลี้ยงดูบุพการี ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ปล่อยสินเชื่อให้กับลูกกตัญญูที่เลี้ยงดูบิดามารดา ราคาบ้านไม่เกิน 1 ล้านบาท เริ่มเดือนกันยายน 2562 เพื่อนำไปซื้อบ้านพร้อมที่ดินหรือคอนโดมิเนียม โดยจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ถูกลงจากเดิม หรือเพิ่มระยะเวลาในการกู้ และลดเงินต้น เป็นต้น
6. ประวัติบ้าน
สืบมาหรือยังว่าบ้านนี้ก่อนหน้าเจ้าของบ้านเดิมใช้เพื่ออะไร ไม่ใช่เคยเป็นบ่อน สถานบริการที่ผิดกฏหมาย หรือมีข่าวลือเรื่องสิ่งลี้ลับที่ทำให้เราไม่สบายใจหรือเปล่า
7. เพื่อนบ้าน
เพื่อนบ้านเป็นยังไง มีกิจกรรมอะไรที่จะรบกวนเรา หรือสร้างปัญหาให้เราหรือเปล่า โจรเยอะหรือเปล่า
8. เสี่ยงโดนเวนคืนหรือไม่
ที่ดินแถวนี้เสี่ยงโดนเวนคืนทำถนน ทางด่วน หรือสถานที่ราชการอะไรหรือเปล่า
9. เจ้าของบ้านเดิมมีค้างชำระอะไรเกี่ยวกับบ้านไว้หรือไม่
เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าผ่อนบ้าน หรือทำไมเจ้าของบ้านถึงตัดสินใจขายบ้านหลังนี้
10. โฉนดที่ดินถูกต้องหรือไม่
เพื่อให้สบายใจว่าจ่ายเงินไปแล้วได้บ้านและที่ดินที่ถูกต้องตามกฏหมายจริงๆ
11. แบบก่อสร้างบ้านเดิมมีหรือไม่ (ส่วนใหญ่ไม่มี)
ถ้ามีเยี่ยมเลย เพราะจะปรับปรุงอะไร ก็ง่าย หรืออาจจะต้องเช็คอีกรอบว่า สร้างตรงตามแบบด้วยหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่จะสร้างไม่ตรงตามแบบครับ ผมจะชวนให้คิดเผื่อไว้เลยครับว่า ขนาดบ้าน สัดส่วนบ้าน แปลนบ้านเดิม แผนการปรับปรุงบ้านให้ตรงกับการใช้งานของคนที่จะมาอยู่ใหม่
12. ราคา
สุดท้ายต้องย้อนกลับมาดูเงินในกระเป๋าด้วยว่า ไหวไม่ไหวนะครับ แนะนำว่าอย่าซื้อเกินตัวจนผ่อนไม่ไหว เพราะหนี้ก้อนใหญ่มันจะสูบเลือดสูบเนื้อเราจนเหลือแต่กระดูกครับ
ก่อนจะซื้อบ้านหลังใหม่ อย่าเห็นแต่ว่าบ้านสวยเพียงอย่างเดียว อย่าลืมคำนึงถึง 9 ข้อนี้ให้ดี มิเช่นนั้นอาจจะต้องมานั่งเสียใจภายหลังก็เป็นได้นะ
แนะนำบทความ วิธีออมเงินซื้อคอนโด
ขอบคุณบทความดีดีจาก DDproperty.com และ GET BEST HOME
+
