วัดอินทาราม
วัด t

วัดอินทาราม พระเจ้าตากสิน

81 / 100

วัดอินทาราม    พระเจ้าตากสิน

วัดอินทาราม  เป็นวัดสำคัญของสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี  เป็นวัดอนุสรณ์สันติสถานที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี 

วัดอินทาราม

 วัดอินทารามวรวิหาร (วัดใต้) ตั้งอยู่ที่ 432 เทอดไท แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กทม 10600

พระเจ้าตากสิน

ดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จ ณ วัดอินทาราม

ทำไมต้องเขียน “พระวิญญาณเสด็จที่วัดอินทาราม” ก็เพราะว่า  เคยมีผู้สัมผัสกับดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ที่นั่น  วัดอินทารามมีความสำคัญกับพระองค์ท่าน  ก็เพราะเป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เคยเสด็จฯ มาทรงประกอบพระราชกุศลและปฏิบัติกรรมฐาน  และที่นี่ยังเป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชชนนี แม้เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ สวรรคต ก็มีการนำพระศพของพระองค์มาฝังไว้ที่วัดอินทารามนี้   ภายในวัดยังมีโบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์ท่าน  ขณะยังมีพระชนม์ชีพอยู่มากมาย เช่น พระราชอาสน์ที่พระองค์ประทับทรงศีล และเจริญกรรมฐาน พระแท่นบรรทม รวมไปถึงพระเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์และพระอัครมเหสี

สมัยก่อนเล่ากันว่า มีอาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โตกว่าปัจจุบันมาก แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 20 กว่าไร่ วัดอินทารามจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร    ตั้งอยู่ริมถนนเทอดไทย แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ วัดนี้เป็นวัดโบราณมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า “วัดบางยี่เรือนอก” คู่กับ “วัดบางยี่เรือใน” คือวัดราชคฤห์ วัดอินทารามไม่ปรากฏว่า   ผู้ใดสร้างและสร้างมาแต่ครั้งใด ปรากฏอยู่ในพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ร่วงโรยมาก และเป็นวัดเล็ก ต่อเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ทรงพบวัดนี้เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงทรงมาบูรณะปฏิสังขรณ์ แล้วสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ วัดอินทารามในสมัยโบราณเรียกว่าวัดบางยี่เรือนอก  เพราะเดิมในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองธนบุรีตั้งอยู่ที่วัดคูหาสวรรค์ (วัดศาลาสี่หน้า) ในคลองบางกอกใหญ่ จากเมืองเก่าต้องถึงวัดราชคฤห์ก่อน จึงเรียกวัดนี้ว่าวัดบางยี่เรือใน และถึงวัดจันทาราม ซึ่งอยู่ตรงกลาง จึงเรียกวัดบางยี่เรือกลาง แล้วจึงถึงวัดอินทาราม จึงเรียกวัดนี้ในอดีตว่าวัดบางยี่เรือนอก

บางยี่เรือในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีลักษณะเป็นป่าสะแกทึบ แต่ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ลุ่ม และมีกกขึ้นอยู่ในน้ำตื้นๆคล้ายป่าพรุ ถ้ามีเรือล่องมาในลำคลองจะต้องอ้อมคุ้งมองเห็นได้ชัด   จึงเหมาะเป็นชัยภูมิ ซุ่มยิงได้ดี จึงเรียกว่า “บังยิงเรือ” ต่อมาได้เพี้ยนเป็นบางยี่เรือ เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงปราบดาภิเษกแล้ว ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดอินทาราม และทรงถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชชนนี ในวันพฤหัสบดี แรม 5 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ.2318 ซึ่งเป็นงานใหญ่โต มีการละเล่นมหรสพต่างๆ จำนวน 522 โรง แสดงประมาณ 29 วัน


มาในยุคปัจจุบัน  วัดอินทารามเป็นวัดที่เคยปรากฏเรื่องเล่า   ถึงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ซึ่งชาวฝั่งธนบุรีเชื่อว่า  ดวงพระวิญญาณของพระองค์ท่านยังสถิตอยู่ ณ วิหารน้อย วัดอินทาราม เพื่อคอยปกปักรักษาลูกหลานไทย และทุกปีในวันที่ 28 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันตากสินมหาราช ชาวฝั่งธนบุรีจะประกอบพิธีบวงสรวงที่วิหารน้อยอย่างยิ่งใหญ่  เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงตรากตรำทำสงคราม  เพื่อคนไทยมาตลอดชีวิตของพระองค์
ชาวธนบุรีเคยมีเหตุการณ์ประหลาดอันเกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เมื่อหลายสิบปีก่อนตรงกับพุทธศักราช 2498 ครั้งนั้นมีการแยกการปกครองของกรุงเทพฯ ออกเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็นเทศบาลนครกรุงเทพฯ และเทศบาลนครธนบุรี ทำให้ความเจริญทั้งหลาย  หลั่งไหลไปอยู่ที่เทศบาลนครกรุงเทพฯหมด ส่วนเทศบาลนครธนบุรี  หรือกรุงธนบุรีเดิมนั้น  ห่างไกลความเจริญไปทุกขณะ น้ำก็ไม่ไหล ไฟก็ไม่มี ถนนหนทางคับแคบ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวธนบุรี เสียงร่ำร้องคงกึกก้องไปถึงพระองค์ท่าน วันหนึ่งจึงเกิดปาฏิหาริย์ดวงพระวิญญาณเสด็จมาที่วัดอินทาราม

ในวิหารวัดพระแก้ว

วันนั้นคือ วันที่ 12 กรกฎาคม 2498 เวลา 08.00 น. เล่ากันมาว่า ขณะที่แม่ชีเหรียญคนดูแลวิหารน้อย เอากุญแจมาเปิดวิหารตามปกติ เพื่อให้คนมาสักการบูชาดวงพระวิญญาณพระเจ้าตากสินฯ เมื่อแม่ชีปัดกวาดเช็ดถูเสร็จก็กลับออกไป จากนั้นเวลาประมาณเก้าโมงเศษ ก็มีหญิงแปลกหน้าวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าชุดแดงทั้งชุด  เดินเข้ามาในวิหารน้อย เมื่อมาถึงก็ก้มลงกราบที่หน้าพระแท่นบรรทม  จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่งหลับตาทำสมาธิเป็นเวลานาน ทำให้สตรีที่เห็นเหตุการณ์ผู้หนึ่งไม่พอใจ ตรงเข้าไปต่อว่าที่หญิงชุดแดงทำตัวไม่เหมาะสม แต่พอหญิงคนนั้นได้เห็นแววตาและใบหน้าของหญิงในชุดแดงจังๆ  ก็ถึงกับเข่าอ่อน ต้องทรุดลงนั่งกราบอยู่ตรงนั้น เธอเล่าว่ามองเห็นใบหน้าของคนโบราณไว้หนวดยาวเฟื้อยซ้อนอยู่กับใบหน้าหญิงชุดแดงคนนั้น และยังตวาดเธอดังลั่นว่า “มึงบังอาจมาก ก็ที่ของกูเคยประทับ กูจะขึ้นมามิได้รึ มึงจงรู้เถิดว่า กูพระเจ้ากรุงธนบุรีได้มาอาศัยร่างของอีคนนี้  มาพบปะกับพวกมึง เพราะวันหนึ่งๆ พวกมึงพากันร่ำร้องถึงความเดือดร้อนจนกูอยู่ไม่เป็นสุข กูจึงต้องมาพบพวกมึง”

วันนั้น  ที่วัดอินทารามผู้คนไม่รู้มาจากแห่งหนตำบลไหน  พากันแห่มาดูพระเจ้าตากสินฯ  ที่วิหารน้อยกันเนืองแน่น จนการจราจรที่หน้าวัดติดขัด เพราะบ้างก็มาขอพร มากราบ และมาขอหวย บางคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ดีก็มาถาม จนสุดท้าย  ตำรวจต้องมาพาหญิงชุดแดงไปสอบสวนที่โรงพัก ปรากฏความจริงว่า หญิงชุดแดงนั้นชื่อ นางเพี้ยน ลิ้มลาย อายุ 35 ปี ขายยาเส้นอยู่ใกล้วัดอินทาราม สติไม่ดี อ่านและเขียนหนังสือไม่เป็น ไม่เคยมีความรู้ในประวัติศาสตร์มาก่อน และยังไม่รู้ตัวด้วยว่า  เข้ามาในวิหารน้อยได้ยังไง แถมยังพูดจาฉะฉาน ตอบคำถามในเรื่องประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดีและถูกต้อง

สรุปว่า  ชาวบ้านฝั่งธนบุรีต่างเชื่อสนิทใจว่า  เป็นเพราะดวงพระวิญญาณฯ เสด็จผ่านร่าง และที่ทรงเลือกหญิงสติไม่ดีก็เพื่อให้คนแน่ใจว่าเป็นพระองค์มาจริงๆ ไม่ได้เป็นการแกล้งทำ ลูกหลานไทยทุกคนมีแผ่นดินอาศัยอยู่จนทุกวันนี้ก็เพราะพระบารมีของพระองค์ท่าน  ซึ่งเป็นบุญคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ในฐานะผู้เขียนได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจประวัติศาสตร์  ในความเป็นจริงอีกแง่มุมหนึ่ง และเพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์ท่าน “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ของเราชาวไทยตลอดกาลนาน

อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก
ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา
แด่ศาสนา สมณะ พระพุทธโคดม
ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี
สมณะพราหมณ์ ปฏิบัติ ให้พอสม
เจริญสมถะ วิปัสสนา พ่อชื่นชม
ถวายบังคม รอยบาท พระศาสดา
คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า
ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา
พระพุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา
พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน

ที่มา:นิตยสารหญิงไทย
ฉบับที่ 759 ปีที่ 31 ปักษ์หลัง เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550

โดย ชายอันเป็นที่รัก

ขอบคุุณภาพจาก  ธรรมนิยาม

tag:  พระเจ้าตากสิน  วัดอินทาราม

คลิกดูเลย     วัดชัยสิทธาราม

โรงพิมพ์ JR

โรงพิมพ์ เจอาร์j

+1
1
+1
0
+1
1
+1
0
+1
0
+1
0
+1
0