ทำไมถึงไหว้ราหู
การไหว้ “พระราหู” เพื่อเสริมดวงชะตาและปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากดวงชะตาชีวิต แต่ก็อาจจะยังมีหลายคำถามคาใจ เช่น ทำไมเราถึงต้องไหว้พระราหู? ทำไมดาวราหูถึงมีอิทธิพลต่อดวงชะตา? รวมถึง “ของไหว้” พระราหูนำมากินต่อได้หรือไม่?
1. ทำไมในความเชื่อด้านโหราศาสตร์ต้องไหว้ “พระราหู“?
ในทางดาราศาสตร์ดาวราหู ไม่ได้มีตัวตนเหมือนกับดาวอื่นๆ ในระบบสุริยะจักรวาล แต่เป็นจุดตัดขาขึ้นระหว่างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ (Ascending Node) ถ้าจุดตัดนี้อยู่ในระนาบเดียวกันก็จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา–จันทรุปราคา หรือที่มักเรียกกันว่า ราหูอมอาทิตย์และราหูอมจันทร์ ซึ่งสำหรับคนที่มีความเชื่อเรื่องดวงดาวและโชคชะตานั้น การเตรียมตัวในช่วงดวงดาวย้ายราศีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเคลื่อนย้ายของราหูจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อดวงชะตา
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโชคชะตาที่อาจจะเกิดขึ้น จึงต้องแก้ไขด้วยการไหว้พระราหู ซึ่งการทำพีธีดังกล่าวเป็นเรื่องของความเชื่อที่ช่วยให้ผู้ไหว้มีขวัญและกำลังใจ ยึดมั่นในศีลธรรมอันดี ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ศรัทธาเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่ควรไหว้ราหูเมื่อพระราหูเคลื่อนย้ายมาประจำที่ราศีของตน ได้แก่ ผู้ที่เกิดในวันพุธกลางคืน และผู้ที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับดาวราหู เช่น งานบันเทิง, งานเบื้องหลัง, งานกลางคืน, งานด้านต่างประเทศ, งานด้านอินเทอร์เน็ต, นายหน้าตัวแทน เป็นต้น
2. ทำไม ‘ดาวราหู‘ ถึงมีอิทธิพลต่อดวงชะตาราศี?
บางตำรา ว่า “พระราหู” เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางลุ่มหลงมัวเมา ฝักใฝ่ในทางด้านมืด เป็นมิตรกับพระเสาร์ เป็นศัตรูกับพระพุทธ ในทางโหราศาสตร์ไทย พระราหูถูกแทนด้วยเลข 8 และถูกสร้างขึ้นมาจากหัวผีโขมด 12 หัว จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น 12ว่ากันว่าเป็นเทวดาของผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืน
ส่วนอีกหนึ่งตำราก็อธิบายว่า “ราหู” หรือ “พระราหู” คือ เทพเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลงและภัยพิบัติ เพราะฉะนั้น เมื่อดาวราหูโคจรเข้าทับลัคนา, ลัคน์วัย, อายุจรของใครก็ตาม รับรองได้ว่าชีวิตของเขาจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงความวุ่นวายอุปสรรค, การเจ็บป่วย, อุบัติเหตุ, หนี้สิน, ปัญหาด้านงานเอกสาร ข้อตกลงข้อสัญญา, ระเบียบข้อบังคับ, คดีความ, โยกย้าย อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน
3. “ของไหว้” พระราหูนำมากินต่อได้หรือไม่?
เมื่อไหว้พระราหูเสร็จแล้วให้กล่าวคาถาลาของไหว้ในช่วงที่ธูปใกล้หมด โดยเอ่ยบทสวดว่า “เสสัง มังคะลา ยาจามิ” แล้วสามารถนำมารับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคลได้ ก่อนรับประทานของไหว้ควรท่องคาถา “คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ” ตามแบบฉบับของวัดศีรษะทอง ต้นตำรับการไหว้พระราหู
4. ตำนาน “พระราหู” ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์
ตามเทวดานพเคราะห์ คัมภีร์เฉลิมไตรภพ เล่าไว้ว่า พระราหู เป็นเทวดาลำดับที่ 8 เกิดจากการที่พระอิศวรทรงนำหัวผีโขมด 12 หัว มาป่นลงเข้าด้วยกัน แล้วประพรม ด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิด เป็นพระราหู ขึ้นมา สีกายเป็นทองสัมฤทธิ์ วิมานสีนิล ทรงครุฑเป็นพาหนะ แต่บางตำราก็บอกว่ากายของพระราหูนั้นมีสีดำบ้าง สีเขียวบ้าง แตกต่างกันออกไป
ส่วนอีกหนึ่งตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งที่พระนารายณ์ได้ทรงอวตารเป็นเต่า ลงมาทำพิธีกวนเกษียรสมุทร เพื่อทำน้ำอมฤตเพื่อความเป็นอมตะ โดยเหล่าเทวดาต่างก็เข้ามาดื่มกินน้ำอมฤตนี้ ขณะเดียวกันก็เกรงว่าจะมีเหล่าอสูรมาแอบดื่มกิน อาจจะเป็นภัยในภายภาคหน้าได้ เทวดาจึงใช้อุบายล่อหลอกเหล่าอสูร เพื่อไม่ให้อสูรเข้ามากินน้ำอมฤตได้ แต่พระราหูซึ่งเป็นอสูรนั้น ได้ล่วงรู้แผนการ จึงแปลงกายเป็นเทวดา ปะปนเข้าไปเพื่อจะดื่มน้ำอมฤต
ต่อมาพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้า จึงไปฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงกริ้ว จึงขว้างจักรถูกกายพระราหูขาดเป็นสองท่อน แต่ด้วยอานุภาพของน้ำอมฤต จึงทำให้พระราหูไม่ตาย ท่อนหัวไปอยู่ในอากาศกลายเป็น พระราหู ซึ่งคอยจับกิน (อม) พระอาทิตย์และพระจันทร์ เพื่อแก้แค้นที่เทพทั้งสองนำความไปฟ้องพระนารายณ์
5. “พระราหู” เสริมดวงชะตา ไม่ใช่หายนะเสมอไป!
ในบทความเรื่อง “ราหู เทพเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลง–ภัยพิบัติ” โดย ปราณเวท อธิบายไว้ว่า พระราหู ไม่ได้เป็นดวงด้านโชคร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีด้านดีด้วย นั่นคือ ความฉลาดหลักแหลม มีเล่ห์เหลี่ยม มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจคน ใจนักเลง มีเพื่อนฝูงมาก รักพวกพ้อง ชอบการสังสรรค์ มุ่งเน้นผลประโยชน์–ผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ เป็นนักการตลาด นักบริหารชั้นยอด ฯลฯ และถ้าในขณะที่ราหูโคจรทับ ในช่วงที่ราศรีใดกำลังมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ อยู่ในขณะนั้น ราหูก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ (ในกรณีที่ราหูโคจรมาอยู่ในตำแหน่ง ให้คุณ แก่ดวงชะตานั้นๆ)
ส่วนอีกตำราหนึ่งโดย “พ.ปฏิกรณ์ โหราศาสตร์ไทย” ก็กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า อีกบริบทหนึ่ง “ราหู” ก็สามารถให้คุณแก่ดวงชะตาได้ ไม่ได้ส่งผลในด้านร้ายเสมอไป โดยเฉพาะหากดาวราหูและดาวเสาร์โคจรมาประจำพื้นดวงในราศีนั้นๆ พร้อมกันในตำแหน่งที่ “ให้คุณ” ก็จะทำให้เจ้าเรือนราศรีนั้นได้รับโชคลาภก้อนใหญ่ เนื่องจากในทางโหราศาสตร์ “ดาวราหู” และ “ดาวเสาร์” เป็นคู่มิตรของกันและกันเพียงหนึ่งเดียว
ยกตัวอย่างเช่น ในวันที่ฟ้าเปิด หากดาว “ราหู” โคจรมาทับเรือนการเงินของราศีใดๆ ซึ่งมี “ดาวเสาร์” ตั้งรับอยู่ในดวงเดิมอยู่ก่อนแล้ว ก็ทำให้เจ้าเรือนชะตาร่ำรวยขึ้นมาได้ในพริบตา เป็นโชคใหญ่ชนิดถูกหวยรวยเบอร์ระดับรางวัลที่หนึ่งได้ไม่ยาก
ขอบคูณบทความดีดีจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
อ้างอิง :
https://web.facebook.com/HorasaddByPatikorn/
แนะนำบทความ 7 วิธีแก้ดวงตก