ผ่อนบ้านไม่ไหว
ซื้อบ้าน คอนโด t

ผ่อนบ้านไม่ไหว ขอประนอมหนี้ 5 วิธี

90 / 100

ผ่อนบ้านไม่ไหว

ผ่อนบ้านไม่ไหว ขอประนอมหนี้แบบไหนดีที่สุด

อาจเป็นไปได้ที่จะเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิดจนทำให้ผ่อนคอนโดหรือผ่อนบ้านไม่ไหวได้ แต่อย่าปล่อยให้เกิดการค้างชำระจนถูกยึดทรัพย์สินซึ่งเป็นน้ำพักน้ำแรงมูลค่าสูงนั้นไป เพราะผู้กู้สามารถขอประนอมหนี้ได้ เมื่อเริ่มที่จะผ่อนบ้านไม่ไหว อย่ามัวจิตตก ต้องรีบประเมินสถานการณ์และกำลังทางการเงินของตนเองทันที แล้วเตรียมพร้อมเจรจาขอประนอมหนี้กับธนาคารก่อนที่ประวัติจะเสีย ซึ่งจะทำให้การแก้ไขสถานการณ์นั้นยากขึ้น มาดูกันว่าวิธีประนอมหนี้บ้านแบบไหนเหมาะกับสถานการณ์และผู้กู้ลักษณะไหน

การประนอมหนี้คืออะไร

การประนอมหนี้เป็นการขอเจรจาข้อตกลงเรื่องหนี้สินกับเจ้าหนี้ เช่น ลดหย่อน ผ่อนผัน และ/หรือปรับเปลี่ยนข้อตกลง เพื่อช่วยชะลอหรือหยุดการดำเนินการจากเจ้าหนี้อันเนื่องมาจากการผิดนัดชำระหนี้ เช่น ฟ้องร้องและยึดทรัพย์สิน และช่วยลดภาระในการชำระหนี้โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ลูกหนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน

วิธีประนอมหนี้เมื่อผ่อนบ้านไม่ไหว

1. ขอลดอัตราดอกเบี้ย

มักเป็นไปได้ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อแรกกู้ ในกรณีอื่น ธนาคารอาจให้ชำระเป็นเงินก้อนซึ่งสูงกว่าค่าผ่อนต่อเดือน หรือให้ชำระหนี้ทั้งหมดภายในครั้งเดียว
เหมาะกับสถานการณ์ดังนี้

  • ผู้กู้ยังคงมีรายได้เป็นประจำทุกเดือน แต่มีเหตุให้รายได้ต่อเดือนลดลงหรือมีรายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายสูงขึ้น

เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้

  • มีประวัติการชำระค่าผ่อนบ้านดี
  • เป็นไปได้ที่จะมีรายได้สูงพอสำหรับกรณีที่ต้องชำระเงินก้อนตามเงื่อนไขของธนาคาร

2. ขอชำระค่าผ่อนบ้านต่ำกว่าปรกติ

จะใช้วิธีประนอมหนี้นี้ได้ก็ต่อเมื่อจำนวนยอดชำระต่อเดือนนั้นสูงกว่ายอดดอกเบี้ยต่อเดือนอย่างน้อย 500 บาท โดยสามารถขอประนอมหนี้แบบนี้ได้เพียงครั้งเดียว และระยะเวลาในการชำระค่าผ่อนที่ต่ำกว่าปรกตินั้นต้องไม่นานเกิน 2 ปี
เหมาะกับสถานการณ์ดังนี้

  • ผู้กู้ยังคงมีรายได้เป็นประจำทุกเดือน แต่มีเหตุให้รายได้ต่อเดือนลดลงหรือมีรายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น
    เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
  • มีประวัติการชำระค่าผ่อนบ้านดี
  • เป็นไปได้ที่จะสามารถจัดการกับรายจ่ายที่เป็นอุปสรรคต่อการผ่อนบ้านในจำนวนเดิมได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด

3. ขอขยายเวลาชำระหนี้

วิธีประนอมหนี้นี้จะทำให้ยอดค่าผ่อนต่อเดือนลดลงและขอขยายเวลากู้ได้จนอายุไม่เกิน 70 ปีเท่านั้น
เหมาะกับสถานการณ์ดังนี้

  • ผู้กู้ยังคงมีรายได้เป็นประจำทุกเดือน แต่มีเหตุให้รายได้ต่อเดือนลดลงหรือมีรายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น
    เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
  • อายุน้อยหรืออีกหลายปีกว่าจะอายุถึง 70 ปี
  • สัญญากู้ปัจจุบันมีระยะเวลากู้ไม่ถึง 30 ปี
  • มีรายได้ต่อเดือนเป็นประจำ เช่น รายได้จากการทำงานประจำหรือได้รับเงินปันผลทุกเดือน

4. ขอผ่อนผันการค้างชำระ

วิธีนี้ช่วยให้ผู้กู้สามารถแก้ไขหรือจัดการปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 36 เดือน จากนั้นจึงค่อยชำระเงินที่ค้างไว้ตามรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งดังนี้

4.1 ขอชำระเป็นเงินก้อนเล็กทุกเดือน
เหมาะกับสถานการณ์ดังนี้

  • ผู้กู้ขาดรายได้ มีรายได้ไม่คงที่ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าผ่อนในแต่ละเดือน หรือยังคงมีรายได้ประจำเท่าเดิมหรือใกล้เคียง แต่มีรายจ่ายสูงอย่างต่อเนื่องจนไม่อาจชำระค่าผ่อนได้
    เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
  • เป็นไปได้ที่จะแก้ไขสถานการณ์ขาดรายได้หรือรายได้ไม่พอรายจ่ายโดยการหางานประจำทำหรือสร้างอาชีพให้มีรายได้มั่นคงต่อเดือนภายในระยะเวลาที่กำหนด

4.2 ขอชำระเป็นเงินก้อนโดยแบ่งเป็นงวด ๆ
เหมาะกับสถานการณ์ดังนี้

  • ผู้กู้ขาดรายได้ชั่วคราว มีรายได้ต่อเดือนไม่คงที่ หรือมีรายได้เป็นประจำแต่มีรายจ่ายสูงชั่วคราว
    เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
  • เป็นไปได้ที่จะชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ (ซึ่งส่งผลกระทบให้ไม่สามารถชำระค่าผ่อนบ้านได้) ในช่วงเวลาผ่อนผันการชำระเงิน และสามารถหารายได้มาชำระหนี้คงค้างได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • เป็นไปได้ที่จะมีรายได้จำนวนมากเป็นครั้งคราวหรือรายได้พิเศษสูง

4.3 ขอชำระเงินคงค้างทั้งหมดภายในระยะเวลาหนึ่ง
เหมาะกับสถานการณ์ดังนี้

  • ผู้กู้ขาดรายได้ชั่วคราว มีรายได้ต่อเดือนไม่เพียงพอต่อค่าผ่อนบ้าน หรือยังคงมีรายได้ประจำเท่าเดิมหรือใกล้เคียงแต่มีรายจ่ายสูงอย่างต่อเนื่องจนไม่อาจชำระค่าผ่อนได้
  • จำนวนเงินค้างชำระต่ำหรือไม่สูงมาก
    เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
  • เป็นไปได้ที่จะชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ (ซึ่งส่งผลกระทบให้ไม่สามารถชำระค่าผ่อนบ้านได้) ในช่วงเวลาผ่อนผันการชำระเงิน และสามารถหารายได้มาชำระหนี้คงค้างได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด
  • เป็นไปได้ที่จะมีรายได้สูงภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น โบนัส รายได้จากการขายหุ้น รายได้จากการขายสินทรัพย์มูลค่าสูงอย่างบ้าน คอนโด ที่ดิน รถ เป็นต้น

5. ขอโอนหลักทรัพย์เป็นของธนาคารชั่วคราวและจะซื้อคืน

การประนอมหนี้แบบนี้คล้ายกับการขายฝากแล้วเช่าบ้านตัวเองอยู่ โดยค่าเช่าหลักทรัพย์คิดอยู่ที่ 0.4-0.6% ของมูลค่าหลักทรัพย์ และมักทำสัญญาเช่าเป็นรายปี ทั้งนี้หากจำนวนหนี้สูงกว่าราคาประเมินของหลักทรัพย์ ผู้กู้จำเป็นต้องชำระส่วนต่างภายในวันโอน
เหมาะกับสถานการณ์ดังนี้

  • ผู้กู้ขาดรายได้และไม่น่าจะกลับมามีรายได้ภายใน 1 ปี หรือมีรายได้เป็นประจำหรือไม่คงที่ต่อเดือนแต่มีรายจ่ายสูงต่อเนื่องนานเกิน 1 ปี
    เหมาะกับผู้กู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้
  • มีเงินมากพอที่จะสามารถชำระส่วนต่างระหว่างหนี้และราคาประเมินหลักทรัพย์
  • มีกำลังที่จะสามารถจ่ายค่าเช่าต่อเดือนแก่ธนาคารได้
  • เป็นไปได้ที่จะมีรายได้สูงภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น โบนัส รายได้จากการขายหุ้น รายได้จากการขายสินทรัพย์มูลค่าสูงอย่างบ้าน คอนโด ที่ดิน รถ เป็นต้น

ขอให้พิจารณาเลือกใช้วิธีประนอมหนี้ธนาคารที่คิดว่าน่าจะสามารถทำได้จริง เพราะการประนอมหนี้บ้านแล้วจ่ายไม่ไหวจะยิ่งทำให้มีโอกาสบ้านหรือคอนโดหลุดได้ ที่สำคัญ ยิ่งเริ่มการประนอมหนี้ได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งเป็นผลดี เนื่องจากประวัติการผ่อนชำระจะยังไม่เสียหาย การเจรจากับธนาคารก็จะง่ายขึ้น และโอกาสที่จะได้รับประโยชน์ก็จะมากขึ้นด้วย หากปล่อยไว้เนิ่นนานบานปลายจนธนาคารยื่นฟ้องร้องแล้ว ก็จะต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำเรื่องต่าง ๆ ทางกฎหมาย เช่น ขอชะลอการฟ้องร้อง ขอชะลอการยึดทรัพย์ ขอชะลอการขายทรัพย์สินทอดตลาด ขอถอนฟ้อง และขอยอมความ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานภาพของคดี อ่านวิธีการแก้ไขกรณีเหล่านี้เพิ่มเติมได้ที่ผ่อนบ้านไม่ไหวแก้ปัญหาด้วยการต่อรองกับเจ้าหนี้

 

ขอบคุณบทความดีดีจาก   ddproperty.com

โรงพิมพ์ เจอาร์

โรงพิมพ์ เจอาร์

แนะนำบทความ   อยากกู้เงินทำอย่างไร

 

+1
0
+1
0
+1
0
+1
0
+1
0
+1
0
+1
0