การบริหารเวลาในชีวิตประจำวัน
ในการบริหารเวลาให้เป็นนั้น ต้องมีการวางแผนที่ดีก่อนไม่เช่นนั้นจะเกิดความโกลาหลขึ้นได้ และจะวุ่นวายกันไปกันใหญ่ เพราะเกิดจากการที่เราไม่มีการว่งแผนไว้ล่วงหน้าแต่อย่างใด
การวางแผนในแบบที่ 1 เป็นการวางแผนของเวลาที่จะต้องมีภารกิจใน 1 วันจะมีอะไรบ้าง และกี่โมงถึงกี่โมง เราสามารถกำหนดไว้ได้อยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้การบริหารเวลาที่ดี ควรมีความรัดกุม เพราะถ้าภารกิจไหนที่เราคาดเวลาผิดไป อาจเกิดความเสียหายได้
การวางแผนในแบบที่ 2 เป็นการวางแผนเกี่ยวกับระยะทางที่จะมีการเดินทางไปที่ที่จะต้องไปทำภารกิจของเรานั้นเอง การวางแผนมีแต่สิ่งที่ดี จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆได้ นอกเสียจากสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิดนี่เป็นปัญหาที่เราไม่อาจกำหนดอะไรได้เลย
การวางแผนในแบบที่ 3 เป็นการวางแผนเรื่องของสิ่งของต่างๆ ที่เราจะเตรียมให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ลืม เป็นสิ่งของที่จำเป็นกับเรามากเลนทีเดียว เช่น ยาประจำตัว โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน กุญแจรถยนต์ เป็นสิ่งที่คนส่วนมากจะลืมกันมากที่สุดเลย ดังนั้นการเครียมการให้พร้อม เป็นการบริหารเวลาเช่นเดียวเพื่อจะได้ไม่ให้เราเสียเวลาในการทำภารกิจต่างๆ ได้เป็นไปตามที่ได้วางแผนไว้
วิธีบริหารเวลา ให้คุ้มค่า
ในแต่ละวัน คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน หลายคนสามารถทำงานได้นับ 10 อย่าง บางคนทำงานได้เพียง 2-3 อย่าง เนื่องจากการบริหารเวลามีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน ในวันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีการบริหารจัดการเวลาให้แต่ละวันคุ้มค่ายิ่งขึ้น มาฝากกัน ดังนี้
ตั้งเวลาตื่นนอนตอนเช้า
โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ตื่นนอนแต่เช้าตรู่ จะมีเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยมีสมองที่สดชื่นแจ่มใสจากการนอนเต็มอิ่มตลอดทั้งคืน และจะมีเวลาการบริโภครับประทานอาหารเช้า ออกกำลังกาย และขับรถไปทำงานโดยไม่ต้องพบกับการจราจรที่ติดขัดด้วย
การจัดตารางงาน
ควรจะกำหนดไว้ว่า เช้า บ่าย เย็น จะต้องทำอะไรบ้าง เรื่องใดสำคัญมากน้อย ต้องเรียงลำดับให้เหมาะสม เพื่อที่จะไม่หลงลืมการทำงานบางชิ้นไป เพียงเท่านี้คุณก็จะจัดการกับงานในแต่ละวันได้อย่างดียิ่งขึ้น เหมือนกับได้เวลาในแต่ละวันมากขึ้นแล้ว
เรื่องส่วนตัวต้องแยกจากเวลางาน
การแยกสองส่วนนี้ให้ชัดเจนจะทำให้มีสมาธิจดจ่ออยู่ที่กิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ในระหว่างการทำงานจะไม่ใช้โทรศัพท์ เพื่อการบันเทิงหรือการตอบไลน์โดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้เสียสมาธิและขาดความจดจ่อทำให้งานผิดพลาด หากคุณแบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัวได้ ก็เท่ากับคุณทำงานได้อย่างเต็มที่ 100% ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องแก้ไขงานซ้ำอีก
ขณะเดียวกัน ในเวลาส่วนตัวก็ทุ่มเทกับครอบครัวได้เต็มที่ โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องเอาเรื่องงานมาทำให้คุณเครียดโดยไม่จำเป็นด้วย
งานยากรีบทำโดยเร็ว
ควรทำงานที่ยุ่งยากก่อน เพราะว่าต้องใช้ความคิดและพลังงานสูง ส่วนงานที่ง่ายกว่าก็สามารถจัดความสำคัญเป็นอันดับรองลงไปได้ ซึ่งจะมีข้อดี คือ หากคุณทำงานยากเสร็จแล้ว ก็จะรู้สึกว่าความเครียดลดน้อยลงด้วย
มีช่วงพักแทรกบ้าง
ในการทำงานอย่างต่อเนื่องคุณจะเกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น โรคออฟฟิศซินโดรม จากการนั่งทำงานอยู่กับที่นาน ๆ และ โรคตาแห้งจากการใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง ทั้งทำให้สมองล้าคิดงานไม่ออกด้วย
จึงควรมีช่วงพักสัก 10 นาทีไปเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสาย จะทำให้ลดความเพลีย ความเครียด และช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพในระยะยาวได้ด้วย
จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาเป็นสิ่งที่จะต้องนำหลักการไปปรับประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคลอย่างเหมาะสม หากสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ในแต่ละวันของคุณใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า มีความสุขในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ คือ ทำให้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงานและเรื่องครอบครัวได้ดียิ่งขึ้นด้วย
จัดการ 1 วันให้มีประสิทธีภาพ
การบริหารเวลา หมายถึง การวางแผนและจัดการในสิ่งที่จะทำให้เป็นไปตามแบบแผนที่วางไว้อย่างถูกต้อง และสามารถควบคุมในการปฎิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพในหน้าที่การทำงานได้อย่างถูกต้อง
หลายครั้งที่ผู้คนส่วนมากมักบอกว่า “ไม่มีเวลา” ในการที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตนตั้งเป้าหมายไว้ ที่จริงแล้วเวลานั้นคือ สิ่งที่ยุติธรรมที่สุดในโลก แก่มนุษย์ทุกคน นั่นคือการมีเวลา 24 ชั่วโมงหรือ 1 วันเท่า ๆ กัน ไม่มีใครที่จะมีเวลามากหรือเวลาน้อยกว่ากัน ดังนี้เราจึงต้องวางแผนและบริหารเวลาดีกว่า เพื่อที่จะประสบความสำเร็จและส่งผลให้ชีวิตดีขึ้นและมีระเบียบมากขึ้น
การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ
ตารางเวลา ถือเป็นตัวช่วยอันดับต้น ๆ ที่จะนำไปสู่การบริหารเวลา การทำตารางเวลาจะช่วยให้เรามองออกได้มากขึ้นว่าภายในหนึ่งวันเราต้องทำอะไร เวลาเท่าไหร่บ้าง ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉย ๆ แล้วมานั่งคิดว่าเวลาไม่พอ ตารางเวลาจึงช่วยให้มองเห็นคุณค่าของเวลามาก และเป็นการฝึกฝนบังคับตัวเองไปด้วย
เรียงลำดับตามความสำคัญ หากว่าคุณนั้นต้องทำงานหลายอย่าง ให้รายการที่ต้องทำในแต่ละวันมาจัดอันดับเรียงตามความสำคัญจากมากไปน้อย และมีงานอะไรบ้างที่ต้องทำต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถแบ่งเวลาได้ว่างานใดต้องใช้เวลาเท่าใด และควรทุ่มเทให้กับงานอะไรมากกว่า
แบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัว วิธีนี้ถือว่าเป็นเคล็ดลับสุดยอดที่จะทำให้คุณแบ่งเวลางานกับเวลาส่วนตัวได้ดียิ่งขึ้น โดยเมื่อถึงที่ทำงานให้ใช้สมาธิกับงานเพียงอย่างเดียว และไม่ควรนำงานกลับไปทำที่บ้าน ถ้าไม่จำเป็น เพราะควรใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
ทำงานที่ยากให้เสร็จก่อน คนส่วนมากมักจะทำงานง่าย ๆ ให้เสร็จก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะทำงานยาก บางทีหมกมุ่นดูหนังโป๊ญี่ปุ่นเล่นทั้งวัน เพราะคิดว่างานง่าย ๆ ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมากและใช้เวลาในการทำน้อยกว่า แต่ความจริงนั้นควรทำงานยากให็เสร็จเสียก่อน เพราะจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อทำเสร็จ ทำให้มีกำลังใจจะทำงานอื่น ๆ ต่อไป
หาเวลาพัก หากทำงานติดกันเป็นเวลานานจะทำให้สมองเกิดการเมื่อยล้าได้ง่าย จึงควรพักร่างกาย เพื่อให้สมองได้พักผ่อนบ้าง และละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ เพื่อกระตุ้นความคิด พร้อมที่จะรับมือกับงานชิ้นใหม่
บริหารเวลาอย่างชาญฉลาด เพื่อให้งานสำเร็จไว
การทำงานในยุคปัจจุบัน จำเป็นต้องมีการบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ชิ้น งานที่มีคุณภาพรวดเร็วฉับไว แต่จะจัดการเวลาที่มี 24 ชั่วโมง ในแต่ละวันอย่างไรให้ชาญฉลาดเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว มาดูวิธีการกันเลย
การตื่นแต่เช้าเพื่อยืดเส้นสาย
การมีวินัยในการตื่นและออกกำลังกายตอนเช้าเป็นประจำ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณมีความกระปรี้กระเปร่าและเกิดการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ หากได้ทำโยคะ หรือนั่งสมาธิอีกสัก 15 นาที ก่อนอาบน้ำแต่งตัวมาทำงาน ยังทำให้มีสมาธิในการทำงานและวางแผนบริหารเวลาได้ดียิ่งขึ้นด้วย
การจัดตารางวางแผนงานล่วงหน้าหนึ่งคืน
เป็นสิ่งที่ช่วยลดความวุ่นวายในตอนเช้าที่คุณต้องเร่งรีบแข่งกับปัญหารถติด คุณจะสามารถจัดประเภทของกิจกรรมที่ต้องทำได้ใน 4 หมวด คือ เรื่องด่วนและสำคัญ ด่วนแต่ไม่สำคัญ สำคัญแต่ไม่ด่วน และไม่ด่วนและไม่สำคัญ เพื่อทำสิ่งที่จำเป็นในอันดับต้น ๆ และตัดสิ่งที่ไม่ต้องทำออกไปบ้าง คุณจะมีจำนวนสิ่งที่ต้องทำในช่วงเช้า บ่ายและเย็นลดลง จนสามารถจัดเวลาได้ลงล็อคมากขึ้น
การให้เวลาสำหรับตัวเองชัดเจน
การทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ทำให้คุณรวยขึ้นอย่างมีสุขภาพดี การมีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องมีทั้งเงิน สุขภาพกายและจิตที่ดีไปพร้อมกัน การแยกแยะเวลาสำหรับตัวเอง การใช้สื่อโซเชียลเพื่อคลายเครียด การประชุมธุรกิจออนไลน์ จำเป็นต้องมีการควบคุมเวลาและแยกแยะออกจากการให้เวลาดูแลตัวเอง เช่น คุณต้องมีช่วงเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที มีโอกาสได้อ่านหนังสือหรือดูหนังที่โปรด โดยไม่ต้องมีการขัดจังหวะจากใคร ๆ
การทำงานในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
การทำงานในห้องหรือสถานที่ที่ปราศจากเสียงรบกวนหรือเครื่องมือสื่อสารที่ชวนให้ใจไขว้เขว จะช่วยให้การคิดและสร้างสรรค์ผลงานมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม มีข้อที่ต้องแก้ไขน้อยและลดระยะเวลาในการทำงานต่อชิ้นลงได้ การเลือกสถานที่ทำงานหรือจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมจึงมีประโยชน์และมีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของงานอย่างชัดเจน
การรู้จักปฏิเสธสิ่งที่ไม่จำเป็น
ความมีน้ำใจต้องมีความเหมาะสมตามสถานการณ์ หากคุณไม่ปฏิเสธเสียบ้างจะทำให้มีสิ่งที่มาดึงดูดความสนใจและบั่นทอนเวลาในการทำสิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่าออกไป สุดท้ายงานของคุณก็จะไม่เสร็จและยังทำให้เกิดผลเสียต่อชิ้นงานในภาพรวม หากเป็นงานที่ต้องทำเป็นทีม ก็จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่สมาชิกในทีมคนอื่นด้วยจะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาอย่างชาญฉลาดเป็นสิ่งจำเป็นและต้องฝึกฝนตัวเองอย่างเร่งด่วน เพื่อให้เวลา 24 ชั่วโมงต่อวันของคุณมีความหมายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นตั้งแต่วันนี้
บริหารเวลาในออฟฟิสให้ถูกใจเจ้านาย
การบริหารเวลาให้สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ทันการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว นับว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุก ๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ทำงานในออฟฟิศ จำเป็น ต้องจัดการเวลากับภาระงานหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างลงตัวและทันเวลา ให้มีส่งเจ้านายก่อน deadline จะทำได้อย่างไรนั้น มาดูกันเลย
การเริ่มวันใหม่ด้วยการวางแผนตารางเวลา
การมีไดอารี่ที่แบ่งบรรทัดในแต่ละช่วงเวลามีประโยชน์มาก สำหรับการล็อคว่าแต่ละชั่วโมงควรทำอะไร โดยหลักการแล้ว ต้องแบ่งเวลาแต่ละวันสำหรับงานสี่หมวด คือ
1. งานด่วน และสำคัญ
2. งานด่วน และไม่สำคัญ
3. งานสำคัญ แต่ไม่ด่วน
4. งานที่ทั้งไม่ด่วน และไม่สำคัญ
ซึ่งชาวออฟฟิศแต่ละคนย่อมมีบทบาทและภาระงานต่างกัน สามารถเลือกบันทึกงานในแต่ละวันลงไดอารี่ประจำตัวได้เลย ทั้งนี้งานเดียวกันอาจไม่ได้อยู่ในหมวดเดิมทุกวันก็ได้ หากมีเรื่องอื่นที่ด่วนและสำคัญกว่า ก็ย่อมทำให้บางงานลดระดับความสำคัญลงไป หรือหากมีงานฉุกเฉินจากเจ้านายมาเพิ่ม ก็ต้องลงในช่องงานที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนเป็นอันดับต้นด้วย
การมีมุมสงบและความเป็นส่วนตัวให้สมองโลดแล่น
การหามุมเงียบ ๆ ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน หรืออย่างที่เราเห็นในบางออฟฟิศจะมีแผ่นฉากกั้นระหว่างล็อคพนักงานแต่ละคน จะเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดสิ่งรบกวนต่อสมาธิเพื่อนร่วมงาน ซึ่งส่งผลโดยรวมต่อประสิทธิภาพของงานที่ต้องส่งเจ้านายในแต่ละวัน
ทั้งนี้ บางท่านอาจใช้วิธีการเปิดเพลงคลอเบา ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศให้พร้อมต่องานตรงหน้า ซึ่งจะใส่เป็นหูฟังส่วนตัวหรือเปิดผ่านลำโพงก็ได้ แต่กรณีหลังต้องมั่นใจว่ารสนิยมในการฟังเพลงตรงกันกับคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วย
ไม่ควรวางแฟ้มงานเป็นตั้ง ๆ บนโต๊ะ
คุณอาจเคยเห็นพฤติกรรมเพื่อนร่วมงานบางคน มักวางแฟ้มไว้เต็มโต๊ะทำงาน ซึ่งในทางจิตวิทยาแล้ว อาจทำให้กดดันตัวเองมากเกินไปทั้งยังทำให้กำลังใจถดถอย เพราะเงยหน้ามาทีไร ก็เห็นแต่กองงานวางเต็มโต๊ะไปหมด แถมยังไม่เป็นผลดีต่อความรู้สึกของเจ้านายด้วย เพราะสื่อถึงความไม่เป็นมืออาชีพในการบริหารเวลาและขาดความน่าเชื่อถือในการเคลียร์งานให้เสร็จตามกำหนด
การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่มักติดเป็นนิสัยยาวนาน หากสามารถล็อคช่วงเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างรัดกุมเท่าใด ก็จะเป็นการสร้างระเบียบวินัยให้แก่ตัวเองได้มากขึ้นเท่านั้น และแน่นอนว่าการจัดการงานที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายให้มีคุณภาพและส่งทันเวลาก็ย่อมไม่เป็นเรื่องเกินกำลังของคุณด้วยเช่นกัน
บริหารเวลา 24 ชม. ฉบับผู้สำเร็จ
เวลาเป็นสิ่งที่มีจำกัด เพียง 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน ทำไมบางคนทำอะไรได้หลายอย่าง แต่หลายคนก็ยังพลาดงานหลายสิ่งจนเกิดความเสียหาย และนี่คือ 13 เคล็ดลับการบริหารเวลาในแต่ละวันตามแบบฉบับของผู้สำเร็จ
1. คิดอะไรออกต้องจดบันทึกไว้ จะเป็นแอพพลิเคชั่นในมือถือ หรือสมุดโน๊ตก็ไม่ผิดกติกา ไอเดียดี ๆ ที่มีค่า มักมาเวลาไม่รู้ตัวเสมอ
2. อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการคิดงาน เช่น ห้องเงียบ หรือในสวนหลังบ้านที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้
3. เปลี่ยนระบบเตือนข้อความหรือสายเข้าเป็นแบบสั่นยามที่ต้องการสมาธิ หรือในวันหยุด เพื่อให้เวลากลับมาเป็นของเราเต็มที่ยิ่งขึ้น
4. ก่อนนอนต้องวางแผนสิ่งที่จะทำวันถัดไปรวมถึงกำหนด timeline ให้ชัดเจน เพื่อให้เช้าวันถัดไปมีเป้าหมายและทำตามแผนได้ดีขึ้น
5. ให้เวลากับสังคมน้อยลง การเชื่อมต่อทางอินเตอร์เน็ต เช่น การแชท บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องตอบในทันที การบริหารเวลาที่ดีจึงต้องแยกแยะเวลางานกับเวลาส่วนตัว
6. คิดแผนสำรองไว้เสมอ เช่น การรูดบัตรเครดิตหากเครื่องรูดบัตรไม่ผ่านก็ควรมีเงินสดพกติดตัวไว้สำรองเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาหาตู้กดเงินและป้องกันการเสียเครดิตด้วย
7. การล็อคเวลาออกกำลังกาย เช่น ทุกเช้าหรือทุกเย็นหลังเลิกงาน เพื่อให้ร่างกายได้กระปรี้กระเปร่าจากสารเคมีและฮอร์โมนที่สมดุลอยู่เสมอ
8. ต่อยอดจากประสบการณ์ เพื่อทำให้ร่นระยะเวลาในการทำงานชิ้นต่อเนื่อง ทำให้สามารถได้งานมากขึ้นในเวลาที่สั้นลง
9. การฝึกสมาธิเป็นประจำและตั้งสมาธิก่อนทำงานเสมอ จะทำให้ลดอาการวอกแวกและลดความผิดพลาดในการทำงาน ที่ต้องเสียเวลาแก้ไขในภายหลังได้
10. บริหารคนให้เป็น ผู้นำที่ดีของทีมจะต้องเรียนรู้การแจงงาน เพื่อบริหารเวลาของทีมร่วมกันให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายร่วมที่ดีที่สุดและลดการไม่สมดุลของงานที่จัดให้บางคนน้อยไป บางคนมากไป จนทำให้เกิดความขัดแย้งในภายหลังด้วย
11. เลือกสิ่งที่ด่วนและสำคัญ ทำก่อนเรื่องด่วนแต่ไม่สำคัญ ส่วนเรื่องสำคัญแต่ไม่ด่วนก็ยกไว้เป็นลำดับสุดท้ายที่ต้องทำในแต่ละวัน
12. ใช้เครื่องทุ่นแรงบ้าง อย่างการนั่งรถสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า รถรับจ้างส่วนบุคคล แทนการขับรถเองไปในย่านที่เป็นชุมชนจอแจหรือหาที่จอดรถยาก ทำให้ประหยัดแรงงานและเวลาได้อย่างมาก
13. การให้อภัยตัวเองในความผิดพลาด เช่น เวลาที่ไม่สามารถทำตามแผนบางอย่างได้ และชื่นชมให้กำลังใจตัวเองที่มีความมุ่งมั่นจนทำตามแผนได้สำเร็จแม้จะไม่ครบทุกข้อก็ตาม
หวังว่า 13 เคล็ดลับการบริหารเวลา 24 ชั่วโมงที่กล่าวมา จะเป็นประโยชน์ต่อการจัดสรรตารางงานและการใช้ชีวิตประจำวันได้ดียิ่งขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตและการทำงานที่ดีในระยะยาว
อยากสำเร็จต้องฟัง 7 เทคนิคบริหารเวลา
ในปัจจุบัน การบริหารเวลาให้มีประสทธิภาพที่สุด เป็นตัววัดศักยภาพความสำเร็จที่หลายคนโดยเฉพาะวงการธุรกิจต้องยกนิ้วยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย หากใครทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เรามาดูกันว่าเหล่ากูรูผู้ประสบความสำเร็จในด้านการบริหารเวลา เขาทำอย่างไร จึงสามารถใช้เวลาที่มีอยู่ 24 ชม. เท่ากันกับคนอื่น ๆ ในการทำงานหรือสร้างงานใหม่ ๆ ให้ประจักษ์ต่อสายตาผู้อื่นได้
1. การวางแผนก่อนลงมือ
เป็นเทคนิคข้อแรกที่นักบริหารเวลาส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาส่วนนี้มากกว่าส่วนอื่น ๆ เนื่องจากการวางแผนที่มีลำดับขั้นความคิดที่ถูกต้อง การวางแผนลงตัวอย่างเหมาะเจาะ จะทำให้การปฏบัติส่วนที่เหลือลงล็อคได้อย่างเป๊ะ ไม่ค่อยมีปัญหาให้แก้มากนัก
2. การลงล็อคเรื่องเวลา
งานทุกอย่างต้องมีกำหนดวันเสร็จ หรือ due date ซึ่งไม่เฉพาะงานทางธุรกิจที่ต้องมีตารางคุยงานหรือเมคดีลกับลูกค้าเท่านั้น แม้แต่คนที่ทำงานขององค์กรภาครัฐหรือทำงานบ้าน ก็ต้องมีล็อคเวลาของงานแต่ละอย่างตาม KPI ขององค์กรเช่นกัน
3. ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉย ๆ
การใช้ชีวิตประจำวันแต่ละวันนั้น คนที่บริหารเวลาเก่ง ๆ มักไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประยชน์ จะสามารถเอางานแทรกในตารางเวลาต่าง ๆ ให้ได้อย่างเหมาะเจาะ ไม่เหลือ gap ของเวลา หรือ “เวลาว่าง ที่ไร้ประโยชน์เลย
4. การรู้ความต้องการตัวเอง
คนที่บริหารเวลาดี มักใส่ใจกับเรื่องสำคัญหรือเรื่องที่ตัวเองอยากทำ มากกว่าการทำตามแฟชั่นหรือการชักชวนที่ออกนอกทิศทางความสนใจ คนที่ประสบความสำเร็จจึงไม่ค่อยมีสิ่งใดที่มาหันเหความสนใจจากเป้าหมายได้ง่าย ๆ
5. การมีเป้าหมายและทิศทาง
จากข้อ 4. การทำสิ่งต่าง ๆ ต้องมีทิศทางที่ชัดเจนเสมอ เหมือนก่อนจะออกรถสตาร์ทเครื่อง คนที่บริหารเวลาได้เก่ง มักวางแผนและกำหนดเส้นทางในใจแล้วว่าจะออกไปทิศทางไหน ในช่วงเวลาตอนนี้ จึงจะหลบเลี่ยงรถติดที่ดีที่สุด
6. พัฒนาตัวเองเสมอ
คนที่บริหารเวลาดี มักปรับแก้ไขแผนตัวเองเพื่อเป็นการปิดช่องโหว่หรือจุดอ่อนต่าง ๆ หากยังได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นตามที่หวังไว้ เช่น ใช้เวลามากเกินไป จึงเป็นคนที่ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเอง
7. ใช้ตัวช่วย
ปัจจุบันการมี application ต่าง ๆ บน smart phone เป็นตัวช่วยที่ดีมาก สำหรับการบริหารเวลา ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จมักจะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นตัวช่วยในการปลุกเตือนให้ทำสิ่งต่าง ๆ เช่น การนัดหมาย การประชุม การคุยงานลูกค้า เป็นต้น
เราเชื่อมั่นว่า ทั้ง 7 เทคนิคบริหารเวลาของผู้ประสบความสำเร็จ จะเป็นประโยชน์กับทุกคนและสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพอย่างแน่นอน
บริหารเวลาอย่างไรให้เหมือนเศรษฐี
เส้นทางเศรษฐีมักไม่ใช่อุบัติเหตุหรือความบังเอิญ แน่นอนว่าคุณอาจบังเอิญถูกล็อตเตอรี่คว้ารางวัลเงินล้าน แต่มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก บางคนเกิดมาโชคดีมีพ่อแม่ร่ำรวย แต่คุณต้องมีแผนใช้เงินและบริหารเวลาให้ดีเพราะยังมีชีวิตอยู่อีกนานกว่าเงินก้อนใหญ่ที่จะทยอยใช้จ่ายไปจนหมด ถึงแม้ตอนนี้ยังกล่าวว่าคุณเป็นเศรษฐีได้ไม่เต็มปาก แต่การงานและอาชีพก้าวหน้าไปด้วยดีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ควรเรียนรู้ว่าคนรวยใช้ชีวิตอย่างไร บริหารเวลาอย่างไร มีนิสัยประจำวันแบบไหน ทำอะไรได้บ้างในแต่ละวัน เพื่อช่วยให้คุณประสบความสำเร็จทางการเงินเหมือนที่เศรษฐีคนอื่นๆ ทำอยู่
บริหารเวลาเพื่อความสำเร็จในวันข้างหน้า
1.ตื่นเช้า
ไม่ว่าคุณจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือเติบโตขึ้นมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก เส้นทางเศรษฐีต้องทำงานหนัก ขยันขันแข็งและฉลาดเลือก คนตื่นเช้าจะมีเวลามากกว่าคนอื่น นักธุรกิจส่วนใหญ่ตื่นขึ้นมาก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นเพื่อนั่งสมาธิ มูฮัมหมัด อาลี นักชกระดับตำนานตื่นมาวิ่งจ๊อกกิ้งในขณะที่ฟ้ายังมืดอยู่ก่อนที่จะเริ่มฝึกซ้อมชกมวย คนรวยจำเป็นต้องเริ่มบริหารตั้งแต่เช้า ลองตื่นมาทำสมาธิสมองแจ่มใส คุณจะมีทั้งพลังงานและเวลาทำทุกสิ่งให้สำเร็จและมีกิจวัตรที่ราบรื่นตลอดวัน
2.ออกกำลังกายทุกวัน
การตื่นเช้ามาออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันทำให้มีสุขภาพดี การเล่นกีฬาเป็นงานอดิเรกเป็นเรื่องง่ายเมื่อคุณมีเวลา เพราะมีเงินเป็นล้านๆ ในธนาคารโดยไม่ต้องกังวลเรื่องหาเงินเลี้ยงปากท้องในแต่ละวัน แต่เศรษฐีกลายคนกลับง่วนอยู่กับโครงการใหม่ๆ ทำงานหาเงินตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นไปจนถึงหลังพระอาทิตย์ตกดิน คนรวยไม่จำเป็นต้องแสวงหาเงินตลอดเวลา ต้องรู้จักความพอดีและดูแลสุขภาพของตนเองให้ป่วยน้อยลงและทำงานได้มากขึ้น รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง
3.ความมั่นใจในตัวเอง
อย่าสงสัยตัวเองและงานที่ทำอยู่ อยากเป็นเศรษฐีต้องเริ่มคิดเหมือนเศรษฐี คุณต้องไม่เสียเวลาคิดกังวลเรื่องความล้มเหลว การเปลี่ยนทัศนคติอาจเป็นส่วนที่ยากที่สุดของการแสวงหาความสำเร็จ เพราะคนส่วนใหญ่มีความกดดันให้สงสัยในหลายๆ ด้าน เรากังวลและเกลียดความเสี่ยง คนรวยก็เกลียดความเสี่ยงเท่าเรา แต่พวกเขารู้วิธีจัดการกับมัน คือความกล้าหาญที่จะเดินหน้าโดยไม่สงสัยหรือหวาดกลัว ถ้าคุณสงสัยตัวเองทุกวันคุณจะล้มเหลวในที่สุด
4.ทำงานเฉพาะในเวลางาน
คนประสบความสำเร็จจะไม่นำงานกลับมาทำงานที่บ้าน หลังจากทำงานคือเวลาของครอบครัว เวลาพักผ่อน เจ้าของธุรกิจที่ติดกับดักการทำงานไม่รู้จักจบสิ้น จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ทำงานผิดพลาดหรือไม่ถูกต้องสมบูรณ์ หลังเลิกงานต้องหยุดทุกสิ่ง แม้แต่การตรวจสอบอีเมล์ในโทรศัพท์ ไว้ไปทำเช้าวันรุ่งขึ้นแทน
5.เรียนรู้ตลอดเวลา
นักคิด นักการเมือง นักธุรกิจ ทุกคนที่ประสบความสำเร็จจะเรียนเรียนรู้ไม่มีวันหยุด ใช้เวลาแต่ละวันให้เกิดประโยชน์เพราะการเรียนรู้ทำให้ได้แนวคิดใหม่เสมอ บทเรียนจากความล้มเหลวเป็นจุดสำคัญที่หลายคนมองข้าม ดูว่าคนอื่นผิดพลาดตรงไหนทำให้เราหลีกเลี่ยงได้ ประเมินประสิทธิภาพของตนเองตลอดเวลา คุณทำอะไรผิดพลาด คุณทำอะไรถูกต้อง หากคุณต้องการประสบความสำเร็จคุณจำเป็นต้องรู้เวลาและใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด
เคล็ดลับบริหารเวลางาน และเวลาส่วนตัว
การจัดตารางเวลาทำงานจะช่วยให้คุณจัดระเบียบเวลาว่างและใช้ประโยชน์จากเวลาที่เหลืออยู่ได้ดีที่สุด การหาสมดุลระหว่างการทำงานและกิจกรรมยามว่างเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์อาจยังจัดการได้ยาก คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรที่ควรจะหยุดทำงาน ก้าวเดินออกจากโต๊ะทำงานไปทำกิจกรรมผ่อนคลาย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้เสียงาน
คนส่วนใหญ่ยอมรับว่ายังอดคิดเรื่องงานไม่ได้ในระหว่างที่อยู่ที่บ้าน อาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะแยกการทำงานออกจากชีวิตส่วนตัว ไม่ทราบว่าเมื่อไรควรทำงาน เมื่อไรควรให้เวลาความสุขกับตัวเอง อย่างไรก็ตาม ความสมดุลเป็นหัวใจสำคัญของชีวิตที่มีคุณภาพ มีความสุขและการทำงานที่มีประสิทธิผล มีข้อแนะนำต่อไปนี้เป็นวิธีในการจัดการแบ่งแยกงานออกจากเวลาส่วนตัว
มีพื้นที่ปลอดงานภายในบ้าน
หากคุณมีกำหนดพรีเซนต์งานสำคัญหรือการประชุมทางธุรกิจในช่วงเช้า ต้องแน่ใจว่าเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว บางครั้งอาจต้องหอบงานไปทำที่บ้านเพื่อดัดเกลาให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ ในสถานการณ์เช่นนี้ต้องใช้ห้องภายในบ้านเป็นที่ทำงานที่สงบและไม่มีใครเข้ามารบกวน แต่ห้องนอนจะต้องเป็นพื้นที่ปลอดงานโดยสิ้นเชิง เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัวสงวนไว้เพื่อนอนหลับและผ่อนคลายเท่านั้น ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทำงานต้องไม่อยู่ในห้องนอน ถ้าไม่มีห้องทำงาน ควรใช้ห้องอาหารหรือมุมห้องนั่งเล่นแทน
กำหนดตารางเวลา
ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ คุณควรวางแผนล่วงหน้าเพื่อโทรคุยธุรกิจหรือตอบอีเมล์ที่จำเป็นสัก 1-2 วัน เพื่อให้คุณยังคงมีช่วงเวลาส่วนตัวที่จำเป็นมากสำหรับครอบครัวและเพื่อนฝูง ลองเขียนบันทึกลงในสมุด วางแผนรายวันหรือเชื่อมโยงโทรศัพท์กับปฏิทินเพื่อจัดตารางเวลาทำงาน จะช่วยให้จัดระเบียบเวลาว่างและใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ได้ดีที่สุด
ฝึกตอบปฏิเสธ
แม้ว่าคุณจะคิดว่าการปฏิเสธลูกค้าหรือเจ้านายดูเป็นเรื่องใหญ่และยาก แต่คุณมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการทำงานทุกครั้ง เพียงแต่ระมัดระวังพูดอย่างสุภาพ อธิบายให้เข้าใจว่าคุณจัดลำดับความสำคัญของงานก่อน ทุกคนเข้าใจว่าคนเรามีชีวิตส่วนตัวนอกที่ทำงาน ทำธุระเร่งด่วนให้ลูกค้าเป็นครั้งคราวได้ แต่อย่าทำจนติดเป็นนิสัย คุณสมควรสนุกกับเวลาส่วนตัวบ้าง
ไม่คบแต่เพื่อนร่วมงาน
แม้ว่าจะมีเพื่อนใกล้ชิดที่ทำงานด้วย แต่การสร้างมิตรภาพนอกสถานที่ทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเพื่อนทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมงาน ย่อมจะคุยเรื่องงานในเวลาส่วนตัว ทำให้รู้สึกพะวงเรื่องงานอยู่เสมอ หันเหความสนใจออกจากงานไม่ได้ มองหาเพื่อนจากงานอดิเรก รู้จักกับคนใหม่ที่มีความสนใจคล้ายกัน ช่วยให้สมองผ่อนคลายและไม่ติดกับดักการทำงานจนสูญเสียชีวิตส่วนตัวไป
ช่วงเวลาทำงานควรมีสมาธิอยู่กับงานอย่างไร ช่วงเวลาส่วนตัวก็ต้องเป็นเช่นเดียวกัน เป็นที่เข้าใจได้ว่าเวลาส่วนตัวอาจใช้เวลานานกว่าจะตอบกลับข้อความหรือยังไม่โทรกลับในทันที ระหว่างนั่งรับประทานอาหารค่ำหรือออกไปเที่ยวนอกบ้าน อย่าลืมวางโทรศัพท์ไว้ห่างตัว ใส่ในกระเป๋าถือหรือวางไว้ห้องอื่นก็ได้ จะช่วยให้คุณเอาใจใส่เพื่อนและครอบครัวของคุณได้อย่างเต็มที่ แยกงานออกจากชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น
วิธีบริหารเวลาของคนติดโซเชียลมีเดีย
ในแต่ละวันเราให้เวลากับโซเชียลมีเดียมาแค่ไหน บางคนจำเป็นต้องใช้เพื่อทำธุรกิจส่วนตัว ขายของออนไลน์ ติดต่อสื่อสาร แต่คนส่วนใหญ่ปล่อยเวลาสูญหายไปกับเรื่องเม้ามอย อ่านเรื่องสัพเพเหระ เสียเวลาไปกับหน้าจอมือถือที่มีประโยชน์น้อยกว่าการอ่านหนังสือ , การเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมยามว่างที่สร้างสรรค์และบรรเทาความเครียดได้ บางทีไปจริงจังกับเรื่องในโซเชียลมีเดียมากเกินไปทำให้ชีวิตที่วุ่นวายอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปอีก เวลานี้คุณมีโอกาสดีแล้ว เมื่อ Facebook และ Instagram เพิ่มหน้าแดชบอร์ดให้คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือน ซึ่งจะแจ้งให้ทราบเมื่อใช้เวลาในการเรียกดูข้อมูลฟีดมากเกินเวลาที่กำหนดไว้ ช่วยให้คุณจัดการบริหารเวลาควบคุมการเข้าใช้งานโซเชียลมีเดีย ใช้อย่างรู้เป้าหมายและควบคุมเวลาให้เหมาะสม แก้ปัญหาการทำอะไรไม่เสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะมัวแต่เล่นมือถือ
YOUR TIME ON FACEBOOK
Facebook และ Instagram เสนอหน้าแดชบอร์ดใหม่ที่จะแจ้งเตือนผู้ใช้มือถือให้ทราบว่าใช้งานแอปเกินระยะเวลาที่ตั้งค่าไว้ สามารถปรับตั้งค่าใหม่ได้ทุกวันหรือจะปิดการแจ้งเตือนชั่วคราวก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานในแต่ละช่วงเวลา ฟีเจอร์ใหม่บนเฟซบุ๊กมีชื่อว่า “Your time on Facebook” ส่วนฟีเจอร์บนอินสตาแกรมชื่อว่า “Your activity” มีเป้าหมายเดียวกันคือช่วยผู้ใช้รับมือกับปัญหาเสพติดโซเชียลมีเดียซึ่งก่อผลเสียหลายด้าน เว้นแต่จะต้องการใช้งานจริง ๆ เช่น ร้านค้าออนไลน์ใช้เป็นช่องทางติดต่อกับลูกค้า
ฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook และ Instagram พึ่งเปิดตัวช่วงต้นเดือนสิงหาคม มีแผนปล่อยฟีเจอร์ให้กับผู้ใช้ทั้งหมดทั่วโลกก่อนสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าจะช่วยลดการใช้งานแอปทั่วโลกปริมาณ 1% หลังจากข่าวนี้รั่วออกมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเริ่มมีผู้ใช้งานหลายคนติดตามข่าวและคิดว่าจะช่วยบริหารเวลาในแต่ละวัน และ จัดการเวลาของตัวเอง ได้ดีขึ้น
หากคุณสนใจและต้องการค้นหาฟีเจอร์ใหม่บน Facebook ให้แตะปุ่มไอคอนรูปเส้นแนวตั้งสามเส้นหรือเรียกอีกอย่างว่า “Hamburger Icon” ซึ่งอยู่มุมล่างขวาของแอป เลื่อนลงไปที่ “Your time on Facebook” แล้วแตะหน้าจอ สำหรับการใช้งาน Instagram คุณจะพบ “Your activity” อยู่ในเมนูการตั้งค่า โดยแตะที่ไอคอนรูปเฟืองในโปรไฟล์ของคุณเพื่อเข้าใช้งานในทันที คุณจะรู้ว่าเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องมากแค่ไหนและควบคุมเวลาง่ายยิ่งขึ้น
ทีมผู้บริหารของ Facebook และ Instagram เห็นความจำเป็นต้องทำแดชบอร์ดให้พร้อมใช้งาน แม้จะมีความเสี่ยงทำให้ใช้งานแอปลดลง เชื่อว่ามีผลกระทบต่อชีวิตของคนสังคม เพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจว่าพวกเขาใช้เวลาไปกับแอปมากแค่ไหน ควรเริ่มบริหารเวลาได้แล้ว หลังจากถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรื่องที่มีคนเสพติดโซเชียลมีเดียใช้งานแอปตลอดทั้งวัน ข้อสำคัญคือความมีวินัยและการหักห้ามใจตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วเครื่องมือเหล่านี้จะไม่ได้ช่วยอะไร ความพยายามในการบริหารเวลาจะสูญเปล่าและไม่ได้ผลเลย
ที่มา www.dhaillinglodge.com
คลิกดูเลย โรงพิมพ์ JR