คิดบวก ย่อมได้บวก
คนมองโลกในแง่ดี มักมีโอกาสดีกว่าคนอื่นเสมอครับ เพราะเมื่อมองทุกอย่างเป็นบวก ก็ช่วยให้มีสุขภาพจิตดี ความคิดโปร่งใส ทำอะไรก็ดูจะสบายๆกว่าคนอื่น แต่ที่น่าสนใจก็คือผลจากการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าคนมองโลกในแง่ดียังมีแนวโน้มว่าจะมีอายุยืนยาวกว่าคนอื่นได้ด้วย
การวิจัยที่ว่านั้นนำกลุ่มคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป 1 กลุ่มที่มีความคิดทางบวก เป็นคนอารมณ์ดี อีกกลุ่มหนึ่ง.ซึมเศร้า ไม่มีความเชื่อมั่นตนเอง ในอีก 40 ปีต่อมา คืออายุ 60 ปีขึ้นไป ปรากฏว่าคนมองโลกในแง่ดีนั้นมีคนที่อายุยืนยาวมากกว่ากลุ่มหลังถึง 42%
คนที่มีความคิดเชิงบวก อารมณ์มักไม่ค่อยแปรปรวน ไม่รู้สึกกระวนกระวาย ในเรื่องจิตวิทยาบอกไว้ว่า คนที่มีการคิดบวกจะทำให้มีโอกาสมีสุขภาพดี และสุดท้ายตามมาด้วยความสำเร็จและความสุข
แน่นอนว่าใครๆก็อยากมีความสุข และอยากมองเห็นทุกเรื่องอย่างสบายใจ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วไม่ง่ายเท่าไรนัก เพราะการมองโลกเชิงบวกเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็ไม่ใช่ว่าสร้างใหม่ไม่ได้ โดยผมมีเคล็ดลับมาฝากผู้อ่าน “บิสิเนสไทย” ทุกท่านในวันนี้ครับ
1. อารมณ์ ในมิติอารมณ์ เราไม่ชินที่จะสังเกตตัวเองว่า บางครั้งอารมณ์ดี บางครั้งอารมณ์ไม่ดี เราต้อง สามารถสังเกตว่าเรามีเหตุผลอะไร ที่อารมณ์ไม่ดี และมีความสามารถหาคำตอบเพื่อแก้ความอารมณ์ไม่ดีให้ได้
2. การกระทำ สามารถที่จะแก้ไขอารมณ์ได้ มีข้อแนะนำ คือ
– ต้องออกจากกรอบของตัวเอง โดยควรลองเปลี่ยนแปลงหรือคิดนอกกรอบเดิมๆ เพื่อจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และสิ่งใหม่ๆนั่นเอง จะพาความสนใจให้เราพบตัวเองไปเรื่อยๆและทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า
– ทำอย่างไรให้การกระทำนั้นทำให้เรารู้สึกพอ ซึ่งจะทำให้เกิดผลต่อเนื่องในความคิดที่เรารู้สึกพอใจ และการพอใจแปลเป็นความคิดทางบวก โดยแต่ละคนก็มีวิธีที่ต่างกัน เช่นใช้วิธีเตือนตัวเองด้วยการอัดเทปบอกเล่าสิ่งที่เราทำ บางคนก็จดบันทึกไดอารี่ เมื่อนำกลับมาอ่านก็จะทำให้รู้สึกพอใจกับสิ่งที่เคยทำไปแม้บางช่วงจะมีอุปสรรคมาก แต่เราก็สามารถแก้ปัญหาได้ ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ และเกิดความรู้สึกว่า เรามีการก้าวหน้าขึ้นมาก ซึ่งจะทำให้เกิดความคิดทางบวกได้
– มองถึงเรื่องอนาคต เพื่อหาว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้เกิดทั้งจินตนาการและวิธีการที่จะลงมือทำ ก็เหมือนกับเราซ้อมมือไว้ก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง ทำให้เราคิดได้รอบคอบมากขึ้น สิ่งดีๆและความสำเร็จก็จะตามมา
3. การรับรู้ คนที่คิดในทางลบ มักจะคิดถึงตัวเองใน 3 เรื่องคือ
3.1. การนำอดีตที่เคยผิดหวัง ล้มเหลว เราไม่มีทางทำได้ มาตอกย้ำตัวเองนั่นคือขาดความมั่นใจ
3.2. ปฏิเสธคนอื่นรอบข้าง โดยรู้สึกว่าคนอื่นคงดีใจเมื่อเราล้มเหลว ทำให้โอกาสที่จะร่วมมือทำงานหรือแชร์ความรู้สึกกับคนอื่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้
3.3. คิดว่าอะไรที่ไม่สำเร็จก็ไม่มีทางแก้ไขหรือไม่มีทางออกอื่นอีกแล้ว เช่นเด็กที่เอนทรานซ์ไม่ติด ก็ฆ่าตัวตาย ทั้งที่ความเป็นจริงเราก็สามารถเรียนในมหาวิทยาลัยเปิด หรือมหาวิทยาลัย เอกชนได้เหมือนกัน
การวิเคราะห์ความคิดของตัวเอง จึงเป็นกลไกเบื้องต้นที่ช่วยให้เราบริหารอารมณ์ของตัวเองภายใต้เหตุผล และความถูกความผิดได้ โอกาสที่จะคิดดีทำดีก็มีสูงขึ้น เหมือนภาษิตจีนโบราณสอนไว้ว่า เมื่อใจเราคิดอย่างไร เรื่องก็จะเป็นอย่างนั้น
นอกเหนือจากเรื่องการวิเคราะห์ตัวเองและบริหารอารมณ์ให้ได้แล้ว อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการปรับสมดุลชีวิตของตัวเอง เพราะโลกนี้อาจไม่ยุติธรรมหรือสมดุลอย่างที่เราเคยคาดหวังเอาไว้ ซึ่งเราต้องเข้าใจธรรมชาติของมันดังนี้
1. ภายใต้สภาพแวดล้อมของสังคมที่มีการแข่งขันสูงเหมือนในทุกวันนี้ ความพยายามแค่ไหนก็อาจจะยังไม่พอเพราะเราไม่สามารถเดาได้ว่าเบื้องหน้าเรามีอุปสรรคที่ยากแค่ไหน
2. มนุษย์ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ตาม ทุกคนต่างก็ถูกควบคุมด้วยเวลาที่มีจำกัดเหมือนกันหมด
3. ต่อให้เราทุ่มเทแค่ไหน และต่อเนื่องแค่ไหน ทุกคนมีชีวิตเดียวเท่ากันหมด
ซึ่งข้อจำกัดเหล่านี้ เป็นอุปสรรคที่ทุกคนต้องยอมรับ และสร้างความพอดีให้เกิดขึ้น เหมือนรถไฟซึ่งอยากวิ่งได้ให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเร็วเกินไปอาจตกรางได้ หรือช้าเกินไปก็อาจไม่ทันเวลา กลไกชีวิตก็เช่นกัน น้อยไปต้องบวก หากมากก็ต้องลบ เป็นความพอดีที่เราต้องเข้าใจและเรียนรู้
เช่นเดียวกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ โดยความพอเพียงคือความพอดีในการดำเนินชีวิต ในการทำธุรกิจอะไรคือพอดี กำลังมีเท่าไรจะทำเท่าไร และจากที่มีอยู่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร แม้แต่คนที่ไม่มีก็มีความสุขได้ ซึ่งทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับความคิดของตัวเองและการบริหารสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดผลสูงสุดความสุขก็เกิดขึ้นได้
ข้อจำกัดของคนเรามีมากมายครับ ทั้งเวลา อายุ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้อารมณ์และความคิดของเรามาเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต ในเมื่อเวลามีน้อยนักก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตให้สมดุล เพื่อกระตุ้นให้ชีวิตมีความสุข มีจินตนาการ
และมีพลังในการทำงานต่อไป
จงคิดเชิงบวก
บทความโดย : แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ Business Thai ฉบับวันที่ 23-2-2007
แนะนำลิงค์ 6 เรื่องต้องรู้ก่อนผ่อนบ้านคอนโด inbound marketing