การตั้งชื่อบริษัท มีข้อแนะนำ 15 ข้อ
ชื่อบริษัทที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณแตกต่างจากคู่แข่งและช่วยสร้างภาพพจน์ให้กับบริษัทได้อีกด้วย ถึงแม้ชื่อบริษัทอาจจะไม่ได้มีผลโดยตรงกับการทำงานของบริษัทหรือลดยอดขายของคุณลง แต่ก็ควรพิจารณา 10 ข้อต่อไปนี้เมื่อเริ่มคิดจะตั้งชื่อบริษัท เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่งน่ะจริงเสมอ
1. ชื่อที่เป็นมงคลต่อกิจการ
การตั้งชื่อบริษัทหรือสินค้านั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมันจะเป็นชื่อที่คุณจะต้องใช้ในการทำการตลาดด้วย ชื่อบริษัทมีผลต่อภาพลักษณ์และจุดยืนในตลาด ดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ
2. หลีกเลี่ยงการเล่นคำในชื่อ
การเล่นคำมากไปหรือใช้คำแผลงๆ อาจจะทำให้ลูกค้าจำยาก การใช้คำที่ผวนได้จะส่งผลต่อศีลธรรมอันดีงาม และอาจโดนวิพากษ์วิจารณ์ได้
3. ใช้ชื่อเต็มที่ไม่ต้องยาวนักจะดีกว่า
การใช้ตัวอักษรย่อชื่อบริษัทอาจจะทำให้การโฆษณาหรือสื่อสารง่ายขึ้น แต่นักธุรกิจขนาดเล็กคงไม่มีกำลังทั้งกายและเงินมากพอที่จะคอยบอกกลุ่มเป้าหมายว่าชื่อบริษัทนี้มีความหมายอย่างไร ดังนั้นให้ใช้ชื่อเต็มที่ไม่ต้องยาวนักจะดีกว่า
การใช้ชื่อย่อนั้นอาจทำให้ง่ายต่อการโฆษณา และการสื่อสารที่ง่ายขึ้นก็จริง แต่ในบริษัทเล็ก ๆ หรือขนาดกลางนั้น การใช้ชื่อย่อจะทำให้ลูกค้าที่ไม่ทราบว่าคุณทำธุรกิจด้านใด เกี่ยวกับอะไร เพื่อให้ลูกค้าจดจำและเข้าใจความหมายได้ไม่ยาก เช่น ร้านหนังสือสุดอินดี้ ร้านเล่า
4. เน้นจุดเด่น
คุณสามารถตั้งชื่อให้เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณที่คิดว่าเด่นเป็นจุดขายให้บริษัท คิดง่ายๆ ว่า ”บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเฉพาะเท่านั้นที่ลูกค้าต้องการ”
5. ไม่ควรใช้ชื่อให้ใกล้เคียงบริษัทที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว อีกทั้งชื่อที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ด้วย
ตัวอย่างเช่น กรณีของนาย Victor Moseley ที่เมืองอลิซาเบท รัฐเคนตักกี้ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ใช้ชื่อ Victor’s Secret เป็นชื่อร้านขายของขวัญสำหรับผู้ใหญ่และชุดชั้นในสตรี เมื่อฝ่ายกฏหมายของ Victoria’s Secret (ร้านชุดชั้นในสตรีชื่อดังของสหรัฐฯ) พบเข้าจึงได้ยื่นหนังสือฟ้องร้านของนายวิคเตอร์ในข้อหาละเมิดชื่อบริษัท แม้เขาจะรีบเปลี่ยนชื่อเป็น Victor’s Little Secret ก็ยังโดน Victoria’s Secret ฟ้องอยู่ดี ห่างคุกไว้เป็นดี
6. มองการณ์ไกล
ธุรกิจขนาดเล็กหลายแห่งคิดว่าจะดำเนินธุรกิจแต่เพียงในอำเภอเมืองหรือจังหวัดเท่านั้น แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าชื่อบริษัทจะต้องจำกัดด้วยสถานที่ที่คุณตั้งบริษัทเท่านั้น เพราะคุณอาจขยายกิจการไปจังหวัดอื่น หรือทั่วประเทศเลยก็ได้
7. หลีกเลี่ยงชื่อตัวเอง
เจ้าของบริษัทหลายท่านมักจะใช้ชื่อตัวเองตั้งเป็นชื่อร้าน ตัวอย่างคือร้านทองต่างๆ ที่แสนจะจำยากเย็น ข้อเสียคือหากคุณวางแผนจะขายกิจการในอนาคต ชื่อร้านที่เป็นตัวบุคคลเช่นนี้ไม่ดึงดูดใจผู้ซื้อเลยเมื่อเทียบกับบริษัทที่สร้างชื่อจากสินค้าหรือบริการ
8.สะกดง่าย ออกเสียงไม่ยาก
ชื่อร้านที่คุณตั้งควรเป็นชื่อที่สะกดและออกเสียงเรียกได้ไม่ยาก เพราะจะทำให้ลูกค้าจดจำได้รวดเร็วและไม่ลืมง่าย ๆ หากตั้งชื่อร้านที่ยากเกินไปอาจทำให้ลูกค้าไม่กล้าที่จะออกเสียง เพราะกลัวเรียกชื่อร้านผิด
เช่น ร้านเบเกอรี่สุดน่ารักที่ชื่อว่า พอใจโฮมคาเฟ่ (Porjai Home Cafe)
ร้านอาหารชื่อดังที่ใช้ชื่อว่า ครัวดอกไม้ขาว (White Flower Restaurant)
9. ใช้ชื่อที่ Google จัดประเภทธุรกิจได้ทันที
ปัจจุบัน ผู้บริโภคมักจะหา ผู้ขายจากใน google การตั้งชื่อจึงควรเป็นชื่อที่ google สามาระรู้ประเภทธุรกิจของท่านได้ทันที เมื่อลูกค้าหาใน google ขื่อของธุรกิจท่านจะมีอันดับดีกว่าคู่แข่ง ยกตัวอย่างชื่อ บ. แปรงสีฟันแห่งแรก จก. google จะจัดบริษัทของท่านในหมวดแปรงสีฟันทันที นอกจากน้ัน ท่านควรเลือกชื่อที่ผู้บริโภคจะจำได้ง่าย ชื่อเว็บไซท์ควรเป็นชื่อเดียวกับบริษัทและพยายามอย่าขีดเส้นระหว่างคำ เพราะมันจำยาก
10. ตรวจดูว่าชื่อไม่ให้ซ้ำ
จะตั้งชื่อบริษัทให้ดีทั้งทีควรใช้เวลาสำรวจดูว่าไม่มีคนอื่นใช้ก่อนอยู่แล้ว แต่ถ้าหากมีก็อาจะปรับชื่อให้คล้ายๆ กันหากว่าไม่ใช่ธุรกิจที่คล้ายกัน คุณสามารถค้นหาและจองชื่อนิติบุคคล ได้ที่เว็บไซท์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ www.dbd.go.th เพราะชื่อร้านที่เหมือนหรือคล้ายกันนั้นจะทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิด สับสน ลังเลในการที่จะเรียกชื่อร้านก็เป็นได้ เพราะนอกจากสร้างความสับสนให้กับลูกค้าแล้วยังทำให้สร้างปัญหาระหว่างเจ้าของธุรกิจด้วยกันเองอีกด้วย
11. ความหมายดี ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง
ชื่อที่มีความหมายที่ดีเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ร้าน แสดงจุดยืน ภาพลักษณ์ของร้าน ลูกค้าหลายคนอาจถูกใจความหมายดี ๆ ของชื่อร้านจนนำมาสู่การเลือกซื้อสินค้าและตัดสินใจซื้อในที่สุด
เช่น ร้านเสื้อผ้าผู้ชาย อาจจะตั้งชื่อว่า Alano (อลาโน่) ที่แปลว่า หนุ่มรูปงาม
ร้านดอกไม้ อาจจะตั้งชื่อว่า Olivia (โอลิเวีย) ที่แปลว่า สัญลักษณ์แห่งความสงบสุข
12.โดดเด่น สะดุดตา ตรงกับภาพลักษณ์
การทำให้ชื่อร้านโดดเด่น สะดุดตา จะช่วยดึงความสนใจของลูกค้ามาที่ร้านของคุณได้ดีอีกหนึ่งวิธี นอกจากจะโดดเด่น สะดุดตาแล้ว ยังตรงตั้งชื่อร้านให้ตรงกับภาพลักษณ์ หรือคอนเซ็ปต์ของร้านก็จะยิ่งทำให้ลูกค้าจดจำร้านของคุณได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
เช่น ชื่อร้านคาเฟ่แมวของผู้กำกับชื่อดังแห่ง GTH ที่ใช้ชื่อร้านว่า Caturday Cat Café
ร้านกาแฟที่ใช้ชื่อสุดเก๋ เรียกไม่ยาก ชื่อร้านว่า ตาสว่างกาแฟสด
13.คิดถึงอนาคต ด้วยไม่ตั้งชื่อแบบเฉพาะ เจาะจง
ข้อเสียก็มีอยู่ว่าการตั้งชื่อร้านตามสถานที่ตั้งนั้นอาจเป็นข้อจำกัดในอนาคตเมื่อเจ้าของธุรกิจคิดจะขยายสาขาเพิ่ม หรือ ต้องการที่จะเปิดแฟรนไชส์ ทำให้ชื่อร้านที่ตั้งตามทำเลนั้นเป็นปัญหาในอนาคตได้แน่นอน อีกชื่อเฉพาะที่ไม่ควรนำมาตั้งเป็นชื่อร้านคือชื่อเจ้าของธุรกิจนั่นเองจ้า เนื่องจากการนำชื่อของตัวเองมาตั้งชื่อร้านนั้นอาจจะเกิดปัญหาในการจดจำของลูกค้า อีกทั้งชื่อบุคคลยังเป็นชื่อที่ไม่สร้างความดึงดูดใจต่อลูกค้าอีกด้วย และอาจจะเป็นปัญหาหากในอนาคตคุณวางแผนที่จะขยายกิจการ หรือเปิดแฟนไชส์อีกด้วย ยกตัวอย่าง การตั้งชื่อร้านที่บอกสถานที่ เช่น ชื่อร้านว่า บางเขนเครื่องใช้ไฟฟ้า
ชื่อร้านว่า สุวินิตการช่าง
14.คิดชื่อใช้ง่ายต่อการสร้างโลโก้ร้าน
โลโก้สวยงามนั้นคือการตั้งชื่อร้านให้สะดุดตา มีความยาวพอดี สามารถดึงดูให้ลูกค้ามาสนใจได้ เนื่องจากโลโก้ทำหน้าที่เดียวกับชื่อร้านที่จะต้องไปอยู่บนป้าย บนนามบัตร บนสินค้า หรือบนบรรจุภัณฑ์ของร้าน การออกแบบ โลโก้ จึงควร อยุ่ในกรอบสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพราะการตลาดสมัยนี้ ใช้สื่อ ออนไลน์ เยอะ พื้นที่ โลโก้ ที่ app ต่างเผื่อไว้ให้เป็น สีเหลี่ยม จัตุรัส ดังนั้นการตั้งชื่อร้านจึงควรคำนึงถึงการออกแบบโลโก้ด้วย เมื่อได้ ชื่อร้าน ที่ต้องการแล้ว ให้ไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้ากับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบ หรือนำชื่อร้านไปให้ในทางที่ผิด
15.ลองถอดรหัสชื่อบริษัทที่เลือกไว้
เมื่อได้ชื่อบริษัทที่คาดว่าจะตั้งแล้ว ลองถอดรหัส เลขศาสตร์ดูว่า ทำนายไว้ว่า อย่างไร ข้อนี้เป็นทางเลือกสำหรับบางคน
Link ที่จะเข้าไปถอดรหัสดวง คือ http://www.mahamongkol.com/insertnamecompany.php
ถ้าถอดรหัสออกมาไม่ดี ท่านอาจจะปรับปรุงชื่ออีกนิดหน่อย
ขอบคุณบทความดีดีโดย : คุณคัมภีร์ทอง ที่มา : www.smethailandclub.com
www.thairegisters.com
tags : ตั้งชื่อบริษัทว่าอะไรดี ตั้งชื่อบริษัทเก๋ๆ